สวัสดีค่าาาา ท่านผู้อ่านนนนน 🤩
ห่างหายการอัพเดทชีวิตการเรียนที่ MUIC (Mahidol University International College) ไปนานเลย บล็อกนี้เป็นบล็อกที่ 4 ในฐานะเด็กปี 4 แล้วเรียบร้อย สำหรับใครที่เพิ่งมาติดตามนะคะ ตัวมี่เองเรียนสาขา Media and Communication (MUIC Media Com) เป็นเด็ก 628 ค่ะ และตอนนี้จบปี 4 เทอมสุดท้ายแล้วค่ะ จบด้วยเวลา 3 ปีครึ่งจากที่ตอนแรกจะจบ 3 ปี 1 เทอมนั่นเอง เลือกทางนี้เพราะอยาก extended ระยะเวลาออกมาค่ะ ตอนนี้ก็ทำ media thesis จบไปแล้วเรียบร้อย ผ่านหมดแล้ว ตอนนี้มี่ก็จบเทอมสุดท้ายแล้ว จบจริง ๆ แล้วด้วย 184 credits ค่า เย้ย้ย้ย้ ดีใจมาก ๆ เลยค่า ❤️
ก่อนจะไปอ่านแบบเต็ม ๆ กัน ใครสนใจ MUIC และ media com อย่าลืมไปอ่านบล็อกอื่นกันนะ 👇
อะ เกริ่นกันไปแล้วสำหรับเรื่องที่จะมารีวิววิชาของสาขา media and communication ที่ muic มี่ขอมาแปะลิงก์สำหรับบล็อคที่เคยเขียนไปบ้างแล้วที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้า muic, รีวิววิชาเรียนของ media com (part 1-3), บล็อคที่เคยทำที่เป็น project เกี่ยวกับ media com และจะเพิ่มเติมให้สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจจะ transfer จาก muic ไปต่างประเทศ (อเมริกา) ด้วยก็แล้วกันค่า
🎓 ชีวิตของมี่กับการเรียน MUIC Media Com (นิเทศอินเตอร์) ฉบับเด็กเก็บเครดิตนรก (part 1) พร้อมสอนวิธีการเตรียมตัวลงทะเบียน MUIC SKY สำหรับน้อง ๆ ที่เป็นเด็กใหม่และรีวิววิชาต่าง ๆ ของ Media Com (old curriculum) ตั้งแต่ปี 1 เทอม 1 ถึงปี 2 เทอม 2 พร้อมรีวิว gen ed จากเพื่อนที่เรียน BBA (ใครสนใจจะเข้า MUIC หรือ Media Com ห้ามพลาดนะคะ): ลิงก์
📝 ชีวิตของมี่กับการเรียน MUIC Media Com (นิเทศอินเตอร์) ฉบับเด็กเก็บเครดิตนรก (part 2) มีอธิบายเรื่องการเก็บเครดิตของทั้งเด็กหลักสูตรเก่าและใหม่ (638+), minor, รีวิว EC 3 (public speaking), วิชา Media Com core & film production major electives และการทำงานกลุ่ม: ลิงก์
😇 ชีวิตของมี่กับการเรียน MUIC Media Com (นิเทศอินเตอร์) ฉบับเด็กเก็บเครดิตนรก (part 3) เกี่ยวกับวิชา Gen Ed สายภาษา (ฝรั่งเศสและเยอรมัน) โค้งสุดท้ายของวิชา creative content concentration และ film production major electives ก่อนจะไปฝึกงาน: ลิงก์
😗 ชีวิตของมี่กับการเรียน MUIC Media Com (นิเทศอินเตอร์) ฉบับคนเก็บ gen ed ตอนเรียนปี 4: ลิงก์
💼 ประสบการณ์การไปฝึกงานที่ Bosch Thailand ในตำแหน่ง Corporate Communications Intern 4 เดือนที่ตึก FYI Center: ลิงก์
🥰 Mie as a Boschler รีวิวการทำงานแบบไม่ละเอียดมาก: ลิงก์
🤩 ประสบการณ์โดยตรงที่มี่สมัครเข้าศึกษาต่อปริญญาตรีที่ Mahidol University International College (MUIC) โดยติด IC ทั้ง 2 รอบโดยรอบแรกใช้วุฒิ GED และรอบที่ 2 คือวุฒิม.6 ในสาขา Media & Communication (MUIC Media Com) หรือนิเทศอินเตอร์: ลิงก์
📄 Mie's EC 2 argumentative essay, topic: "racial discrimination against non-native & non-white migrant teachers in Thailand": link
🔗 Mie's ICMC 204 (research methods & basic stats) group project, topic: "influential factors & cultural perspectives on Oscar-winning films: Parasite and Green Book": link
🗣️ Mie's ICMC 205 (media psychology) group project, topic: "rape culture & sexual violence portray in Thai soap operas": link
🧐 Mie's ICMC 202 (media & cultural theory) group project, topic: "have you ever been (cyber) bullied?": link
🇺🇸 สมัคร as a transfer student (undergraduate) จาก MUIC ในฉบับเด็กฟิล์มไปที่ Maryville College (Tennessee) & The University of Idaho (Idaho), USA พร้อมได้รับ financial aid หรือทุนบางส่วนด้วย (แต่มี่ยังเรียนอยู่ที่ MUIC นะคะ): ลิงก์
*สำหรับเรื่องตัวอย่างงาน ให้ดูเป็นแนวทางเท่านั้น ไม่อนุญาตให้คัดลอก/ก๊อปงานทุกกรณี*
----------------------------------------------------------------- ส่วนนี้จะเป็นลิงก์เพิ่มสำหรับใครที่สนใจจะอ่านบล็อคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบหรือเพื่อยื่นในการเรียนต่อต่างประเทศหรือหลักสูตรอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยในไทยนะคะ
🇦🇺 การยื่นเพื่อศึกษาต่อในสาขา B.Media.Com Screen Practice & Production และ BA Film & Theatre ที่ Macquarie University (Sydney, Australia) & Victoria University of Wellington (Wellington, New Zealand): ลิงก์
🇬🇧 รีวิวการสอบ IELTS academic ด้วย overall 6.5 (each component 6.5 แต่ writing 5.5), การเตรียมตัวที่ Westminster International และการสอบ IELTS แบบ computer-delivered ที่ IDP Silom: ลิงก์
😁 25 facts ที่ต้องรู้เกี่ยวกับ IELTS Academic ก่อนสอบจริงและรีวิวการสอบ IELTS จากเพื่อนที่ได้ overall 6.5-7.0: ลิงก์
🇺🇸 รีวิวการสอบ Duolingo English Test ฉบับผู้มาก่อนกาล (สอบตอน 2018 ก่อนที่ DET จะถูกเอามาใช้ในไทยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อย่างแพร่หลายตอนช่วงโควิด) ได้คะแนน 63/100 ในตอนนั้นหรือ 115/160 ในปัจจุบัน *แต่ตอนยื่นจริงที่ MUIC มี่ยื่น IELTS ค่า*: ลิงก์
📝 รีวิวการสอบ Duolingo English Test ฉบับปี 2021 ที่มี่ได้ 130/160 แต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 125 (ระดับ C1 Advanced) ค่า: ลิงก์
มาเริ่มอ่านกันจ้าเพื่อน ๆ 3...2...1... เริ่ม! 😃
จะเปิดแล้วน้าาาาาา 🥰
สำหรับรีวิววิชาเรียนที่ MUIC รอบนี้ จะเป็นการรีวิววิชาที่เรียนทั้งหมดใน 4 เทอมแบบ briefly ทั้งหมด 16 วิชา โดยจะแบ่งเป็นวิชา gen ed 13 วิชา และวิชา thesis ที่ต้องทำตลอดทั้งปี 3 วิชา (ลงได้เทอมละ 1 ตัว แต่ต้องลงติดต่อกันจนครบ 1 ปีการศึกษา ซึ่งสำหรับตัวมี่เอง ถือว่าเครียดมาก ๆ ค่ะ)
*ไม่อยากสปอยล์เยอะ อาจจะเขียนรีวิวไม่เยอะ อยากให้น้อง ๆ เรียนแล้วตื่นเต้นก่อนอะไรงี้ อ่านเยอะไป เดี๋ยวไปเรียนแล้วไม่ตื่นเต้นนะ อิอิ*
🫧 รายชื่อวิชา general education (gen ed) 12 วิชา + free electives 1 ตัว เป็น 13 ตัว:
1) ICHM 106 Moral and Ethical Studies
2) ICSS 256 Introduction to Industrial and Organisational Psychology
3) ICML 141 Elementary Spanish I
4) ICNS 141 Computer Essentials
5) ICNS 105 Basic Mathematics
6) ICPE 105 Physical Education: Swimming
7) ICHM 143 Introduction to Photography and ICHM 144 Intermediate Photography
8) ICFA 339 Film Genre and Gender *free electives*
9) ICCM 204 Creative Writing (EC 4)
10) ICPE 101 Physical Education: Badminton
11) ICPE 117 Physical Education: Mind and Body
12) ICPE 123 Physical Education: Cycling
ปล. คงสงสัยใช่ไหมว่าทำไมมีพละ (PE) 4 ตัว? พอดีตัวมี่เป็นเด็กหลักสูตรปี 628 ซึ่งเป็นหลักสูตรเก่า เลยโดนบังคังเรียน PE 4 ตัวคับผมมม ก็เลยต้องเรียน 4 ตัวเพื่อที่จะจบนี่แหละ ถ้าไม่เรียนก็ไม่จบ แหะ ๆ 😅
🍹 รายชื่อวิชา thesis ของ media and communication (MUIC Media Com):
1) ICMC 401 Media and Communication Degree Project Research and Preparation
2) ICMC 402 Media and Communication Degree Project I (Thesis Production)
3) ICMC 403 Media and Communication Degree Project II (Thesis Exhibition)
📄 รวมรีวิววิชา Gen Ed ทั้งหลาย 13 วิชา 😗
เตือน ก่อนเลย น้อง ๆ media com ปี 4 อย่าหาทำลง 20 credits ตอนทำ thesis ไปด้วยเพราะมันเครียดมาก เราร้องไห้ไปหลายรอบมากว่าพาชีวิตตัวเองมาตกนรกชัด ๆ 55555 (ตอนนี้ขำออก ตอนนั้นขำไม่ออก)
แนะนำให้ลงน้อย ๆ ไว้ก่อนจะได้มีเวลาไปทุ่มกับ thesis เต็มที่จ้า เราเห็นน้อง ๆ 638 ลง 1 วันถ้วน อันนั้นดีแล้ว จะได้มีเวลาไปทุ่มกับ thesis เน้น ๆ production ให้เต็มที่ เพราะอันนี้คือคิวถ่ายทำวันเรียน 4 วัน 22.00-7 โมงเช้าของอีกวัน โคตรตึงคับ มีคิวนึงต้องสอบต่อทั้งที่เพิ่งกลับบ้านมาตอน 8 โมงเช้า สอบ online 10 โมง แทบร้องไห้อีกรอบเพราะเหนื่อยมาก ไม่ได้นอนเลยวันนั้น
เทอมนี้ (เทอม 3 ของการเรียน thesis) จะตึงน้อยลงเชิงปฏิบัติแหละ แต่เขียน report เกือบ 40 หน้าเพื่อส่ง advisor เลยจ้า
จบสักทีค้าบบบ (ตัวมี่จบ december 2023) ดีใจมาก ๆ เลยค้าบบบบ เย้ 🥹
ด้วยเกรด 3.53 ไม่เคยติด F, W และ U คับ ถ้าไม่ผิดพลาด ได้ first-class honours ค้าบ
1) ICHM 106 Moral and Ethical Studies 🧐
วิชานี้ตอนนั้นเราเรียนกับ Aj. Gerald เป็นคนออสเตรียน (austrian) เวลาก่อนเรียนอาจารย์ชอบเล่นเปียโนในห้องที่สอน (คือแกจบป.โทเปียโนจาก u of arts ที่เวียนนามา ว่าง่าย ๆ เล่นเปียโนอย่างเทพอะบอกเลย ใครเรียนต้องมาฟังดู) วิชานี้ก็ถือว่ายากสำหรับเด็กที่ไม่เคยเรียนแนว ๆ กึ่ง philosophy และ logic มาก่อน ถ้าไม่ใช่เด็ก icic (intercultural studies) เพราะวิชานี้เหมือนลูกผสมของทั้ง 2 อย่าง แต่ไม่ได้ยากเกินไปแบบเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่เคยเจอมาของวิชา intro to logic นะ เราขอก๊อปรีวิวของตัวเองที่เคยรีวิวลงกลุ่ม MUIC ไว้ที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเอาไว้ก็แล้วกันค่ะ อธิบายเป็นภาษาไทยค่อนข้างยาก ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี 🤔
- The first thing you will learn is reason and emotion (with motivation, action and behaviour). Then, descriptive world vs. evaluative world like the word “good” (simpliciter) - kind of stuff. It is extremely philosophical because this course is not required, but I had to study humanities as my gen eds.
- Another challenging thing was the factual and ethical premises + conclusion. Is it sound? You might have to do this in the group presentation for the midterm by selecting a topic and working in a group to present about it. You still have an individual midterm exam, which is 25 points (sadly, I got only 9. At that time, my exchange friend got only 12). It is tough grading, but you can do better in your presentations and finals (I eventually got a B+).
- It is full of theoretical philosophy, things like Immanuel Kant’s Deontology, Utilitarianism, Human Rights and Social Contract, Moral Psychology and Neuroscience (e.g. Somatic Marker), Nietzsche and Foucault and many more. Aj. Gerald is really good at explaining this in simpler ways. I do not know if it will be different if you study with another Aj.
- For the final: you still have a take-home final assignment (no academic research required, but APA style if you have any) and the final presentation. My group did the topic of Neuralink chip. It includes the Universalizability Axiom, Ends-Means Axiom, Utilitarianism vs Deontology, Equity vs Equality and Ethical implication of transhumanism.
2) ICSS 256 Introduction to Industrial and Organisational Psychology 🗣️
วิชานี้บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกนึกว่าแบบเคยฝึกงานตอนปี 3 เทอม 3 มาน่าจะเข้าใจอะไรบ้างใช่ปะ แต่มาเรียน มันไม่ใช่เลย มันแนวแบบค่อนข้าง HR เลย คือเราเรียนกับจารย์คริสติน เป็นคนเยอรมัน สำเนียงภาษาอังกฤษฟังง่าย เค้าพูดค่อนข้างช้า แล้วเราเป็นคนไม่ชอบทำข้อสอบ choices เพราะถูกหลอกง่ายด้วย วิชานี้มัน midterm 35%, extended quiz 15%, final project 30%, homework 20% ตอนทำ midterm คือตั้งใจอ่านมากแต่สอบออกมาได้ 55% คืองงไปเลย (technically ก็คือ F midterm เว้ยแก 5555 เกมเลยครับผม) แบบเห็นผลสอบแล้ว... เหวออะ ตอนนั้นแอบช็อคอยู่ แต่โชคดีที่ทำ final project กับเพื่อนร่วมชั้นได้ 93% (A) ซึ่งอาจารย์บอกเป็นกลุ่มที่ดีที่สุดใน section นั้นแล้ว 5555 เกือบจะไม่รอดแล้วได้ B มาคือเหนือความคาดหมายมาก เราทำ extra assignments 6 งานเพื่อจะได้ 3% ของเกรดที่ได้ด้วยเพราะอยากพยายามให้มันเต็มที่ไปเลย อย่างน้อยถ้าเกรดไม่ดีจะได้ไม่เสียใจทีหลัง ตอนแรกนึกว่าจะ C+ แล้วซะอีก วิชานี้จะย่อเป็น I/O หรือ I&O psychology นะ ที่เรียนก็จะเป็นพวก history of I&O, motivation at work, case study CSR (corporate social responsibility), job characteristic theory, justice and equity, value/attitude and job satisfaction, communication at work, leadership, teamwork (teams at work), employee selection อะไรแบบนี้ วิชานี้มาลงคนเดียวได้นะ ถ้าไม่มีเพื่อนลง เดี๋ยวจะได้ทำงานกลุ่ม final แบบที่อาจารย์จับให้อยู่ดี ไม่มีเรื่องต้องกังวลอะไร ตัวมี่เองก็มาลงคนเดียวเหมือนกัน เพราะเพื่อนไปลง introduction to psychology แทน มุงิ แต่ถ้ามีเพื่อนลงอาจจะมีคนช่วยติวตอนสอบอะไรแบบนี้เฉย ๆ ซึ่งถ้าให้แนะนำก็แนะนำให้ไปเรียนกับเพื่อนเถอะนะ ไม่ต้องหาทำ หาเรื่องซวยแบบมี่นะคะ 5555 😌
😃 บล็อกรีวิวตอนหาที่ฝึกงาน (ได้ Bosch Thailand, GDH559 & BOXX MUSIC): link
😇 บล็อกรีวิวตอนฝึกงานกับ Bosch Thailand (บล็อกสั้นมากนะ 4 นาทีเอง): link
3) ICML 141 Elementary Spanish I 🇪🇸
วิชานี้ใช้หนังสือ AULA internacional 1 ในการเรียนการสอน อาจารย์จะเตรียมไฟล์หนังสือแบบ PDF เอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือเองค่า แต่ห้ามเอาไปเผยแพร่เด็ดขาดเท่านั้นเอง โดยจะเรียนบทที่ 1-3 ในหนังสือ AULA ตอนนั้นมี่ได้เรียนกับ Aj. Myriam นะ เราว่าเค้าสอนโอเคอยู่ แต่อาจจะสู้อาจารย์ที่สอนอีก 2 ท่านไม่ได้ (ตามเสียงลือมาเค้าว่างั้น ไม่รู้จริงไหมนะ เพราะตัวมี่เองก็ไม่เคยเรียนกับ Juan หรือ Sergio) ก็จะเริ่มเรียนตั้งแต่พื้นฐานการแนะนำตัวเป็นภาษาสเปน, verbes ต่าง ๆ (เช่น ser, estar, tener, trabajar, hablar, vivir, querer, gustar, ir เป็นต้น), เมืองต่าง ๆ ในสเปนและอเมริกาใต้, การบอกเวลาและมื้ออาหาร, สัญชาติต่าง ๆ ละก็จะมีพวกเขียนแนะนำตัวเอง แนะนำเพื่อนสนิทของเรา โดยรวมจะเป็นสแปนิชแบบขั้นพื้นฐานจริง ๆ เลยอะ ถ้าตั้งใจเรียน ส่งการบ้าน ส่งงานครบ สอบโอเค ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลเท่าไหร่ วิชานี้ถือว่า easy A ได้เลย แต่ถ้าไม่ค่อยตั้งใจก็อาจจะได้ B หรือ B+ อะไรงี้แหละ ไม่น่าลงไปต่ำกว่านี้แล้วเพราะอาจารย์ถือว่าช่วยนักศึกษาพอสมควรเลยคับ
ปล. ถ้าถามมี่ระหว่าง elementary spanish, french, german จะลงอันไหนดี จากใจคนที่เรียน pre-intermediate french 1, elementary spanish 1, elementary german 1 มี่แนะนำฝรั่งเศสกับเยอรมันคับ เยอรมันสนุกมาก (ตอนนั้นมี่เรียนกับ Ian ไม่ใช่ Jan นะ) เค้าเป็นอาจารย์ PC แต่ตอนนั้นมาสอนเยอรมัน เยอรมันถ้าเลือกคนสอนถูกจะเป็นภาษาที่เรียนแล้วสนุกมาก ๆ ถ้าให้เรียงลำดับ แนะนำฝรั่งเศส -> เยอรมัน -> สเปน มี่เรียนสเปนแล้วงง ๆ หน่อย ไม่ค่อยเข้าใจ น่าจะเพราะมันตีกับภาษาฝรั่งเศสด้วยแหละ 🥲
👉 Blog รีวิวภาษาฝรั่งเศสและภาษาเยอรมันและวิชาอื่น ๆ แบบละเอียด: link
4) ICNS 141 Computer Essentials 🖥️
วิชานี้ตอนแรกนึกว่าจะง่ายเหมือนกัน สรุปได้มาเรียน microsoft word, powerpoint, gimp, inkscape ตั่ง ๆ ซึ่งอิฉันเกลียด gimp กับ inkscape มากค่ะ โคตรยาก งง layers มุแง อาจารย์คือชิวมาก ใจดีแต่ชอบเล่นตลกที่ไม่ค่อยตลก (ขอโทษคั๊ฟ) อาจารย์จะค่อนข้างไม่ชอบเวลาเด็กสนใจโทรศัพท์มากกว่าหรือแอบหลับในคลาส เค้าเคยเชิญเด็กออกจากห้องเพราะหลับด้วยแหละ I would not recommend this course if you do not like graphic design, like Gimp. It was so hard for me (because I am not good at it). You will learn about Microsoft Word (its features, shortcuts, kinda stuff), computer types, CPU, and information systems - that’s all I can remember. For the midterm and final, there will be 2 parts about Word/PwP and then Gimp. DO NOT use ChatGPT, or he will give you an F. อันนี้สำคัญมาก ห้ามใช้ ChatGPT อาจารย์เคยจับเด็กได้ว่าใช้เค้าให้ F เลยเด้อสู เค้าตรวจ AI-generated text จริงจังมากแล้ว confront เด็กในห้องพร้อมหลักฐานเลยอะ (โหดมาก) ตอนสอบจะสอบในห้องหรือสอบที่บ้านก็ได้ แต่นี่กลัวโดน accused เรื่อง chatgpt เลยมาสอบในห้องแทน เซฟกว่า ตอนสอบคือเครียดมากเพราะข้อสอบเยอะไปหมด (มันสอบบน google form) แต่ไม่ยากเกินความสามารถ สรุปได้ B มาเพราะทำไม่เคยทัน คือทำ gimp กับ inkscape ไม่เคยทันเลยจ้า เลยเว้นว่างไปเลย ถถถ ตอน midterm คือได้ gimp 63/100 คะแนน คือได้ D ส่วน word ได้ 84/100 เลยเอามาถัวเฉลี่ยกันแล้วรอดเฉย ส่วน final ไม่รู้คะแนนค่ะ 😂
5) ICNS 105 Basic Mathematics 🧮
วิชานี้เป็นวิชาที่ท้อแท้มากกกกก แต่มันเป็นวิชาบังคับหมวด natural science ไม่เรียนคือไม่จบ ตอนแรกคิดว่าจะ F มาตลอดเพราะไม่ไหวจริง ๆ หัวเราไม่ไปด้านเลขเลย สอบมิดเทอมเสร็จคือนั่งเหม่อ นั่งร้องไห้ เพราะคะแนนออกมาได้แค่ 10 คะแนน คือมันตกอะ แต่ยินดีกับน้อง ๆ 638 onwards ด้วยที่ไม่ต้องเรียนวิชานี้แล้วเพราะยื่น SAT Math คะแนน 500 เข้ามากันแล้ว แต่อาจารย์คือดีมาก ใจเย็นมาก พยายามอธิบายแบบเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เด็กเข้าใจให้ได้อะ เค้าอธิบายจนเราสามารถผ่านมันไปได้เพราะ section นั้นของ media com ทั้ง section มีเรียนกัน 8 คน แล้วไม่มีใครเก่งเลขเลยจ้า ยกเว้นเด็กจีนท่านหนึ่งที่บอกว่ามันง่ายเกินไป ในขณะที่เพื่อนทั้งเสคกำลังจะตาย เรียนพวกเรื่อง real numbers, algebraic expressions, percentages, ratio, proportion; linear functions; the systems of linear equations ซึ่งเข้าเรียนทุกคาบแต่อิฉันไม่ทราบอะไรเลยค่า ได้ C มาคือเป็นบุญมาก 55555 วิชานี้ให้ภาพมันอธิบายแล้วกันเนอะ งงมากค่ะ แต่อาจารย์คือเคี่ยวเข็ญมาก ๆ จนสงสารเลยอะ อาจารย์เป็นอาจารย์สาขา computer science แต่ว่าถูกขอให้มาสอนเสคพิเศษนี้ (คือเรื่องของเรื่อง ตอนแรกมันจะถูกปิดเพราะเด็กเรียนไม่ถึง 7 คน แต่มี่กับเพื่อนอีกคน aka นัท ช่วยกันรวบรวมรายชื่อแล้วขอเปิดเสคนี้ต่อไป ตอนแรกจะเป็นอาจารย์อีกคน แต่ว่าเค้าไม่มาแล้ว) แบบเวลาเรียนเลข มันทำให้เรียนแล้วก็รู้สึกน้อยใจในสมองของตัวเองอะ เข้าใจฟีลปะ 55555 คือถ้าเก่งเลขม.ปลายหรือ SAT Math ได้เยอะ มาเรียนวิชานี้คงรอดแหละ แต่ถ้าตายเลขมาตั้งแต่ม.ปลายแบบเราก็ขิต มีแค่นั้น หึหึหึ 🫥
6) ICPE 105 Physical Education: Swimming 🏊
รีวิววิชานี้สั้น ๆ ก็คือเรียนว่ายน้ำ 4 ท่าตลอดเทอม ได้แก่ freestyle, backstroke, butterfly and breaststroke ใครไม่มีพื้นฐานมาเรียนได้ แต่ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นอาจจะยากนิดนึง เรียนที่สระว่ายน้ำกลางแจ้งตรง MLC ของ college of sports science (ss) สระไม่มีร่ม ระวังดำด้วยจ้า หึหึ วิชานี้ 50% participation, 18% quizzes (3 อัน) และ final exam 32% อาจารย์ไก่สอนดี ใจดี แต่เราเกร็งมากเวลาสอบว่ายน้ำ เพราะชั้นว่ายน้ำแบบ struggling 55555 ละก็ทากันแดดเยอะ ๆ เพราะนี่เคยลืมทาแล้วดำแบบจนตอนนี้ 4 เดือนยังไม่หายดำเลย ขาก็เป็นรอยชุดว่ายน้ำด้วย โหดเวอร์ ส่วนมากเป็นผู้หญิงเรียน มีผู้ชายบ้างประปราย แนะนำซื้อชุดว่ายน้ำแบบที่เป็น suit แขนยาวขายาวไปเลยจะดีกว่า และที่สำคัญ เรียน 8.00-9.50 ถ้าตื่นไม่ไหวหรือไม่ได้กินข้าวอาจน็อคได้จ้า มีสอบ quizzes ก่อนสอบปฏิบัติว่ายน้ำ ซึ่งจะเป็น quizzes ง่าย ๆ ทั้งแบบ written และแบบ multiple choices ด้วย
7) ICHM 143 Introduction to Photography and ICHM 144 Intermediate Photography 📷
วิชานี้คือดีมาก มี่ชอบวิชานี้มาก อาจารย์โครี่ใจดีเวอร์ ชิลมาก อาจารย์เท่มาก และทุ่มมากจริง ๆ (แอบบอกว่าเหมือนเค้าเป็นลูกศิษย์อาจารย์แจ๊คที่สอน media com หรือเปล่า เพราะทั้งสองคนจบจากมหาลัยที่เดียวกันสาขา photography ที่ออส เป็นออสซี่เหมือนกัน แต่ตัวอาจารย์โครี่เป็นแคนาเดี้ยน-ออสซี่ สำเนียงคือแคนาเดี้ยนเลย เวลาเค้าพูด about รู้เลยว่าแคนาเดี้ยนแน่ ๆ 5555) อาจารย์ชอบแบกกล้องเก่า ๆ มาให้นักศึกษาดูในห้องด้วย คุยเรื่องกล้อง/รูปภาพคือคุยกับเค้าได้เป็นชั่วโมงอะ (นี่คือมี่ลงทุนซื้อกล้องเพื่อมาให้อาจารย์สอนใช้เลย เทพเวอร์ แต่อาจารย์สาย Nikon นี่ก็ซื้อ Nikon ตามที่เค้าแนะนำเพราะชอบ Nikon มาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เลยเล่น Nikon D750, FA, L35AF ซะเลย แต่มี Canon R10 อีกตัว) พอเจอปุ๊บ เป็นอาจารย์ที่ถูกโฉลกมากเลยตามเรียนกับเค้าอีก 2 เทอม คือวิชา Intermediate Photography กับ Film Genre and Gender เลย ก็จะเรียนพวก basic photography แต่จะเน้น creative expression มากกว่า เช่น depth of field (dof), compositional techniques, qualities and direction of light เค้าจะสอนแบบ practical มาก ๆ อย่างเรื่อง qualities and direction of light เค้าจะแบกไฟมาสอนแล้วให้เพื่อนในคลาสไปนั่งแล้วสอนให้เปลี่ยนมุมไฟไปเรื่อย ๆ ทั้งแบบ soft and hard light เลย วิชานี้ participation 30% คือต้องให้ความร่วมมือในการตอบ photo analysis แบบ share your thoughts กับอาจารย์และเพื่อนในห้อง, quizzes/labs 30% ทุกอาทิตย์หลังคลาสจะมีโจทย์ให้ไปถ่ายภาพตามโจทย์ที่เค้าให้ สามารถใช้กล้องหรือกล้องโทรศัพท์ก็ได้ ส่วน quiz จะเป็น technical terms เกี่ยวกับ aperture, iso & shutter speed ที่เค้าเคยสอนในห้องไป ละอีก 40% เป็น final project ซึ่งตัวมี่เองเคย published ผลงานไว้ใน website แล้ว ไปชมกันได้ ชื่อ the bi girl's project (คลิกลิงก์เข้าไปดูงานเถิด ตั้งใจทำมาก อิอิ 😜) มี่ทำเกี่ยวกับ depression and bipolar disorder ถ้าใครสนใจอยากร่วมโปรเจค ติดต่อได้นะคะ ติดต่อผ่านเพจมี่ก็ได้ค่ะ มี่ยังทำโปรเจคนี้อยู่เพียงแต่คนไทยทำเหมือนเรื่อง mental health เป็นเรื่อง taboo เลยอะ มันก็เลยดูนิ่ง ๆ ไป ตัว final project จะมี week in progress (wip) เพื่ออัพเดทงานกับอาจารย์ 1:1 (one-on-one session) ทุกวีคที่ 3, 6, 9 ถ้าขาดไปคือคะแนนอาจจะหายไปเยอะมาก ๆ เลย แค่ขาดครั้งนึงในการอัพเดทงานหรือไม่มีอะไรอัพเดท ก็คือคะแนนหายไปเยอะแล้ว ระวังด้วยน้าาา และวีค 12 คือ final submission ที่เราต้องนำเสนอ actual project กับอาจารย์ (พรีเซนต์เดี่ยวเหมือนกัน) แบบปริ้นท์ผลงานออกมา เราปริ้นท์จริงจังมากโดนค่าปริ้นท์งานไป 5 พันอะตอนนั้น 5555 เพราะมันเป็น professional printing แถวเจริญกรุง (อาจารย์โครี่แนะนำร้านนั้นมาพอดี) แผ่นละ 400 กว่าบาท เราสั่งปริ้นท์แบบใช้กระดาษ silk ด้วยอะ มันเลยแพง ต้องลงทุนหน่อย ๆ วิชานี้ถือว่า A ง่าย ถ้าตั้งใจและ work hard + put effort ในการทำงานทั้ง quizzes, labs และ final project (ว่าง่าย ๆ ก็คือต้องตั้งใจทำงานและตั้งใจสอบ ตั้งใจเรียนอะ)
เตือนอีกครั้ง ใครขาด week in progress (wip) หรือไม่มีอะไรไปอัพเดทงานตัวเองไปคือเสียหายเรื่องคะแนนหนักเลยนะ เพราะเค้าเอามา weigh ตัว final project ด้วย อาจารย์เค้าไม่ได้ดูแค่ผลลัพธ์ อาจารย์เค้าดูด้วยว่าระหว่างทางเป็นยังไง ทำอะไร เฟลแล้วแก้ยังไง มีปัญหาอะไรให้อาจารย์ช่วยไหม อยากได้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติม ต้องทำงานเองด้วยนะ อย่าคิดจะหาทางลัด เพราะอาจารย์ดู behind the scene ด้วยว่าเป็นคนทำเองจริง ๆ ไม่ได้มีคนแอบแฝงอะไรแบบนั้น 🙃
8) ICFA 339 Film Genre and Gender *free electives* 🎬
วิชานี้ก็สนุกมากกกก ถ้าชอบหนัง ชอบ film ชอบเรื่อง gender คือแนะนำเลย ตอนที่เราเรียน เราเรียนกับอาจารย์เจเจกับโครี่มาคู่กัน คือสนุกจริง ๆ อะ 6 วีคแรกอาจารย์เจเจสอน และอีก 6 อาทิตย์หลังอาจารย์โครี่เป็นคนสอน มีพาไป field trip ที่ film archive ด้วยนะ ขอแปะรีวิวจากที่รีวิวในกลุ่ม SMO เลยละกัน เพราะมันก็จะประมาณนี้แหละ
I studied this course with 2 lecturers, JJ and Cory, (it was opened in the second trimester of the last academic year, I guess).
- You will learn about auteur, genre, queer cinema, male gaze, gender in horror and so on. Back in that term, another photography ajarn came to teach about the “analysis of modes and methods of gender roles in photography” as well. I don't know if there will be some changes after this.
- There will be an after-class assignment from ajarn in EVERY single class. You gotta do it and submit the work.
- It can be an easy A if you are a dedicated student and try not to miss classes. She will definitely give you an F if you are absent more than 5 times or so. She takes attendance so seriously.
- For the midterm, I wrote an essay about Apichatpong and his representation of minorities and how his films were banned in Thailand. You have to cite properly (APA), or your scores will be deducted around 10. She gave detailed feedback after releasing the scores for you to improve your essay in the future.
- For the final, I did a photography project about the queer and female gaze, inspired by Cindy Sherman and Apichatpong's films. It should be something related to what you worked on your midterm, and you recreate the work your own way. There will be individual feedback for your work from ajarns as well.
ภาพข้างบนคือเบื้องหลังการทำ final project ชื่อ BNFOTD. (Benefit of the Doubt) ของมี่เอง มี่ใช้เทคนิค self-portrait เอาเองทั้งหมดเลยด้วยขาตั้งกล้องและกล้อง Nikon D750 คืออย่างซีนว่ายน้ำก็ตั้งกล้องแล้วโดดขึ้นโดดลงสระเยอะมาก ๆ ต้องทุ่มเทเบอร์นั้นจริง ๆ มี่ปรึกษาอาจารย์เจเจกับอาจารย์โครี่เยอะมาก ๆ เพราะอยากให้งานออกมาดีที่สุด ภาพตรงกลางคือภาพที่อาจารย์โครี่แนะนำมาตอนถ่าย metaphor in the closet แต่เราไม่ชอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะหันหลังอยู่ดี เพราะมันคือตัวเราเองที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี (personal reason: ไม่เคยบอกใครที่ไหนเลยนะ คือ ตัวมี่เองรู้สึกว่าตัวเองอยู่ก้ำกึ่งระหว่าง gender fluid กับ bisexual เพราะรู้สึกสับสนในตัวเอง เหมือน I'm not a girl enough and I cannot identify myself as a boy as well แต่ก็ชอบทั้งผู้หญิงผู้ชาย เรารู้สึกว่า love is love, it has no boundaries อะ เราจะไม่รักคน ๆ นึง เพราะเพศสภาพเค้ามันก็คงจะไม่ใช่ ความรักก็คือความรักป่าวอะ) ก็เลยเป็นที่มาของภาพที่หันหลังเข้าตู้เสื้อผ้า พร้อม uniform ในไทยที่ต้องแต่งตามเพศสภาพ กับชุดอะไรก็ได้ที่ดูแมน ๆ คูล ๆ project นี้มี่ทำกับเพื่อนสนิท "ทาช่า" ซึ่งตอนโชว์งานคิดว่าหลาย ๆ คนคิดว่าเรากับทาช่าน่าจะเกินเพื่อน แต่จริง ๆ แล้วเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันจริง ๆ (ตอนมี่ต้องจ้องตาทาช่าคือขำโลกแตก มันไม่ได้จริง ๆ อะ awkward มาก จนทาช่าบอกว่าบ้าป่าว ก็เพื่อนกันทำไมจ้องตากันไม่ได้ 555555 ถ้าเล่นเกมจ้องตาคือแพ้แน่ค่ะ แพ้แน่ ๆ เล่นกับเพื่อนคนไหนไม่ได้เลยเพราะเขินมาก หุหุ) project นี้บอกเล่าความเป็นตัวเองของมี่, การ represent LGBTQ+ จากหนังของพี่เจ้ยจากหนัง 3 เรื่องที่มี่ทำ essay (blissfully yours/สุดเสน่หา, tropical malady/สัตว์ประหลาด และ syndromes and a century/แสงศตวรรษ), platonic relationship ของตัวมี่เองและแรงบันดาลใจภาพถ่ายของ Cindy Sherman พร้อมการทำ closed caption (cc) ที่ดูโง่ ๆ เพื่อสับขาหลอกผู้ชมงาน และสเกลงานให้เหมือนเค้ากำลังดูซีน ๆ นึง จากภาพยนตร์เรื่องนึง นั่นคือที่มาของโปรเจ็ค BNFOTD. นั่นเองค่ะ
พอเรียนจบกลายเป็นสนิทกับอาจารย์ทั้ง 2 คนไปเลยอะ เพราะอาจารย์เค้า friendly เข้าถึงง่าย แต่ก็ being respectful ด้วยน้า ทุกวันนี้ยังติดต่อกับทั้ง 2 คนอยู่คับ ขอ letter of recommendation ต่อป.โทก็ขอจากอาจารย์โครี่นี่แหละ 5555 เค้าช่วยเหลือเราดีมาก ๆ จริง ๆ
9) ICCM 204 Creative Writing (EC 4) 📝
วิชานี้เรียนพวก the value of fiction and poetry, stories and films, voice, story writing, literary language, playwriting, principles of the personal essay, introduction to poetry, reading and responding to poetry, writing poetry, the language and sounds of poetry ก็คือเน้น creative writing แบบ free-writing สามารถเขียนอะไรก็ได้ที่ใจอยากจะเขียน อาจารย์แมรี่จอยใจดีมาก ๆ น่าจะเป็นคนฟิลิปปินส์ที่ไปเรียนที่อเมริกา สำเนียงอเมริกันขั้นสุด (แหงล่ะ เค้าจบจากม.ระดับ Ivy League ด้วยค่ะ) อาจารย์ชิวพอสมควรเลย จะมีงานเขียนที่ต้องทำ 4 อันคือ short story เขียนเรื่องสั้นระหว่าง 1,000-4,000 words อันนี้เราได้คะแนนน้อยที่สุดเลย, one-scene play (playwriting) เขียนเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องมี stage directions ด้วย อันนี้เราได้ 85/100, personal essay ให้เขียนแชร์เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองจริง ๆ ที่ทำให้เรา became wiser/braver เขียน 1,000-4,000 words เช่นกัน อันนี้เราได้ 93/100, งานเขียนอันสุดท้ายคือ poem เขียนอย่างต่ำ 5 lines อันนี้เราได้ 94/100 แล้วงาน 20% สุดท้ายคือเอางานตัวเองไป published ลง google sites ของอาจารย์ ถ้า submitted ก็คือได้ 20% ไปเลย ทุกงานจะมีให้เข้า group discussion/peer review คือเอางานของตัวเองให้เพื่อนอ่านแล้วให้เพื่อนให้ feedback เรากลับมา ว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ก็เอาไปปรับตามนั้นก่อนส่งงานจริง (final submission) อาจารย์จะให้คะแนนกลับมาด้วยว่าได้คะแนนเท่าไหร่บ้าง เราจะได้ keep tracking ได้ว่าเกรดเราจะอยู่ที่ประมาณไหน เท่าไหร่ วิชานี้เราได้ A คับ ดีใจมาก เย้
10) ICPE 101 Physical Education: Badminton 🏸
ก็เรียนตีแบดมินตันอะ ไปเรียนตีแบดที่สนามแบดของมหาลัย เรียก MU Court มี tournament แบบทีมที่เค้าจับกลุ่มให้ แบบตี single, double อะไรงี้ แยกชาย แยกหญิง หรือ mixed อันนี้ participation 70% final exam 30% ขาดเรียนฟรีแบบไม่หักคะแนนได้ 1 ครั้ง ถ้าขาดเกินจะโดนหัก 7.70 คะแนน (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แต่งตัวให้ถูกระเบียบหรือจะโดนหักคะแนนอีก 55555 คะแนน final เราได้ 21/30 วิชานี้ตอนแรกหวังไว้แค่ B+ เพราะเราตีแบดไม่เก่งเลยจ้า สอบก็เกร็ง แบบเป็น anxiety อะ มัน awkward เข้าใจป่ะ วิชานี้เค้าจะแจกกระดาษ syllabus มาให้ตั้งแต่คาบแรกเลยว่าเรียนอะไร สอบอะไรบ้าง เท่าไหร่ สอบวีคไหน วีคนี้เรียนอะไรบ้าง อาจารย์ที่สอนจะแนวปั่น ๆ หน่อย ถ้าไม่ชอบ ไม่แนะนำให้เรียน เพราะมันจะทำให้คนเรียนเกร็ง 😅 อันนี้ไม่มีสอบข้อเขียน มีแต่สอบปฏิบัติอย่างเดียวคับ แต่ถ้าใครตีเก่ง เราแนะนำนะ (พวกผู้ชายตีกันโหดโพด แบบไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ถ้าพลาดตีโดนหน้าคงตุยเย่ นอนสลบคาพื้น คร่อก)
11) ICPE 117 Physical Education: Mind and Body 🧘🏻♀️
ตัวอย่างหนังสือของอาจารย์กับเสื่อโยคะ
วิชานี้คือเรียนโยคะค่ะ เป็นวิชาที่ทรมานกายหยาบมาก 5555 ใครเป็นสมาธิสั้นจะทรมานเป็นพิเศษกับตอนฝึกหายใจท่าเปิดตาที่ 3 (ขนาดเราไม่สมาธิสั้นยังนั่งยุกยิก ๆ เลย คือมันยากจริง ๆ ที่จะนั่งเฉย ๆ ได้นานขนาดนั้น) แบบตัวเราไม่ตึงนะ เรียนแล้วไม่ค่อยจอยเท่าไหร่ มันเหนื่อยมากอะ แต่อาจารย์ชิว ใจเย็นมาก เป็นอาจารย์ผู้หญิง ตอนเรียนก็เปิดแอร์เรียนในห้อง แต่ต้องมีเสื่อโยคะเป็นของตัวเอง คะแนน attendance 15%, participation 15%, midterm 30%, final exam 40% คิดว่า 30% แรกอาจารย์น่าจะให้เต็มอยู่แล้วแหละ ส่วน midterm คือสอบหายใจกับ sun salutation เราได้ 24/30 เพราะเราหายใจเกร็งมากตอนสอบ และโดนหักคะแนนเพราะขออาจารย์ออกไปซ้อมใหม่ (คือเราเป็นคน crack under pressure) ส่วน final เราได้สอบท่าทั้งหมด 5 ท่าแล้วแต่คนจับฉลากได้ บางคนจับฉลากได้ 2 ท่า บางคนจับได้ 6 ท่า (range between 2-6 ท่า) แล้วแต่ดวงคนเลย อาจารย์จะให้จับฉลากล่วงหน้า 1 อาทิตย์และไปซ้อมมา ตัวมี่ได้สอบท่า camel posture, advanced camel posture, tree posture, advanced tree posture และ natarajasana posture รอบนี้เตรียมตัวมาดี เลยได้ 39/40 โดนหักคะแนนเพราะสอบหายใจ bumping ไม่มีเสียงตอนหายใจเข้า 🥹 วิชานี้สอบปฏิบัติหมดเลย ไม่มีสอบข้อเขียนคับ วิชานี้อาจารย์ใส่ใจมาก ทำ handbook สอนท่าโยคะต่าง ๆ แจกให้เด็กทุกคนเลย ตอนทวนสอบก็ทวนจากหนังสือที่เค้าแจกนี่แหละ ละเอียดมาก ๆ พร้อมภาพประกอบที่อาจารย์เป็นคนทำเองด้วยนะ สุดปังมาก
12) ICPE 123 Physical Education: Cycling 🚲
วิชานี้คือเรียนปั่นจักรยาน on-campus and off-campus อาจารย์เลียร์ด (Laird) ปกติสอน biosci ใจดีมาก เหมือนคุณปู่ที่แข็งแรงมากท่านหนึ่ง 55555 วิชานี้เหมาะกับคนปั่นจักรยานเป็นอยู่แล้วนะ ถ้าปั่นไม่เป็นเลยอาจจะลำบากหน่อย เพราะมันปั่นที ปั่น 15-18 km ต่อ 2 ชม. ช่วง 2-3 อาทิตย์แรกอาจารย์พาปั่นที่ม.ก่อน แล้วหลังจากนั้นจะพาข้ามสะพานดาวไปวิทยาลัยราชสุดาแล้วไปสวนพุทธมณฑล แล้วจากนั้นก็จะได้ออกไปตามซอยตั้งสิน ไปบ้านศาลาดิน วิชานี้จะได้เรียนกึ่ง ๆ biosci นิดนึงคือเรื่องกล้ามเนื้อที่ใช้ปั่นจักรยาน (calves, quadriceps, glutes) มีต้องเขียนตอบตอนสอบ written exam, วิธีการ warm-up ก่อนปั่นจักรยาน, วิธีปั่นผ่าน bollards ตรงสะพานดาว (มี่ชนประจำ ตอนสอบ final มีสอบปั่นตรงนี้ 4 รอบ มี่ชนไปรอบนึง โดนหัก 10%) วิชานี้ attendance 42%, continuous assessment 24%, midterm quiz 4%, final exam 30% (written 15, riding 15) ที่มี่รู้คะแนนตัวเองมาคือได้ attendance, continuous assessment เต็ม, midterm quiz ได้ 3.6 คะแนน ส่วน final exam ไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่ แต่ได้เกรด A ไม่เคยขาดเรียนเลย เพราะชอบปั่นจักรยานมาก สนุกมาก เราชอบคลาสนี้จนไปซื้อจักรยานเลย (ไปซื้อ trek marlin 5 gen 2022 มา เบ๋อ 5555 ใครอยากชวนไปปั่นจักรยานชวนได้นะคะ 🥺) เผลอ ๆ เคยไม่จอย make up class แค่รอบเดียวด้วยมั้ง 55555 แต่มีเรื่องต้องระวังหน่อย คือส่วนตัวมี่เคยเกือบถูกรถเมล์สอยไปรอบนึง พี่แกขับมาอย่างไว ระยะประชิดสุด ตีนผีมาก นี่ตามอาจารย์ไม่ทันพอดี เกือบล้มละ ล้มไปนี่ตายแน่น่าจะโดนรถเมล์เหยียบค่ะ น้อง ๆ คนไหนออกถนนก็ระวังกันด้วย เพราะอาจารย์ก็ไม่ได้ดูตลอด (คือหันมาดูบ้างบางเวลา แต่เค้าเป็นคนปั่นนำ) ส่วน TA (teaching assistant) ก็จะปั่นปิดตามหลังสุดนี่แหละ เค้ามาช่วยไม่ทันแน่ ๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน save ชีวิตตัวเองเอาเองค่ะ
ปล. TA เสคเราคือเป็น TA ดีเด่น TA ตัวอย่างงี้ปะ ต้องเขียนอวยยศเลอ ดูแลดี (แต่บอกนางตรง ๆ ไม่ได้ his ego is titanic 555) คอยปั่นถามคนนั้นคนนี้ตลอดว่าโอเคไหม เหนื่อยไหม ไหวไหม คอยเตือนให้ระวังรถมา คอยชวนคุยทำให้ awkward น้อยลง ไม่เหงาเวลาปั่นไกล ๆ อะไรงี้ ตอนนี้ก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนกัน เสคเราเป็นเสคที่แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะที่รู้มาอีกเสคคือ TA อีกคนโดนรถชนบ้างอะไรบ้าง ก็งง ๆ นิดหน่อย
จบรีวิวการเรียนวิชา general education (gen ed) ใครจะลงอะไรก็ขอให้โชคดีจ้า
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยน้า 🥺
📽️ มาต่อรีวิวกันที่ thesis ของ media com ค่ะ 😁
1) ICMC 401 Media and Communication Degree Project Research and Preparation
อันนี้หลัก ๆ ในเทอมนี้คือต้อง initiate ทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด พวก draft of script, synopsis, treatment, theme และ targeted audience แต่ที่สำคัญที่สุดคือ script นั่นเอง ซึ่งกลุ่มเรา developed นานมาก ไม่ผ่านสักทีจ้า 5555 เสียน้ำตากันไปกี่ลิตรไม่รู้ เครียด หลัก ๆ ก็จะต้องเข้าพบ advisor อย่างน้อย 4 ครั้งต่อเทอม กลุ่มเรามี 3 คนคือเรา นัท อัน เป็นเพื่อนพลังหญิงเวอร์ ตอนต้นเทอมจะมีต้องเข้า online meeting ของ faa ที่เค้าจะแจงแจกว่าต้องทำอะไรบ้างพร้อมสไลด์ (พร้อมแนบตัวอย่างให้ดูข้างล่างจ้า)
ในเทอมแรกนี้ก็คือต้อง research, planning, scriptwriting, strategy, pre-production, casting call, rehearsal, location scouting หรือบล็อคช็อตตั่ง ๆ
และเราก็ต้องเข้า review panel ด้วย ซึ่งก็จะต้อง included พวกนี้ในสไลด์พรีเซนต์ คือ synopsis, director's statement, producer's statement, key concent for visuals (colour palette), mood and tone, characters and casts, storyboard, costume, hair and make up, location, production design, shot samples ซึ่งหน้าที่ของตัวมี่เองคือเป็น producer (เรายอมรับว่ารู้สึกไม่เก่งเลยค่ะ และทำงานได้ไม่ดีพอ) ก็จะต้องรับผิดชอบเรื่อง overall schedule, detailed timelines, shooting breakdown (day 1-3), budget management, confirmed locations, production (camera operations, lighting, sound), casting call, catering, art direction (budget), general expenses, social media content creation (platform), other online platforms เข้าปุ๊บออกมาได้ B เลยค่ะ 555 แต่ดีใจมาก ๆ แล้วนะเทอมนั้นเพราะเรียน 4 ตัว ธีสิส 1 ตัว เครียดเวอร์
ภาพในประวัติการณ์มาก สภาพสมาชิกแต่ละคนคือไม่ไหวจริง ส่วนมี่ก็ mental breakdown คืนวันก่อนเข้า panel ไปเลยค่ะ เครียดมาก กลัวจะทำได้ดีไม่พอ คืนก่อนวันเข้า panel นั่งปั่นงานกันจนถึงตี 2 ได้ 😶🌫️
2) ICMC 402 Media and Communication Degree Project I (Thesis Production)
เทอมนี้ก็คือจะเป็น production ล้วน ๆ ของกลุ่มเรามี 3 คิว (แต่คิวงอกเง้ย 5555) แต่ยังต้อง meeting อาจารย์ 4 รอบเพื่ออัพเดทงานและมีเข้า review panel เหมือนเดิม โดยหน้าที่การทำสไลด์พรีเซนต์จะเป็นหน้าที่หลักของเราด้วยแต่เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็ช่วยกันดี 😇 พร้อม rough draft ก่อนจะ post-production ต่อไป แต่ก่อนจะ panel นะ advisor เราจะเอา progress report ด้วยจ้า ก็คือต้องมี workshops and rehearsals, coordinating and operation processes, music production and contracts, script changes and new translations, communication with other crew members, storyboard edition, budget, post-production, major challenges, the likelihood that you will finish on time/budget, opportunities for improvement อะไรงี้ ช่วง panel ก็จะมีพวก key message, theme, what goes right?, what goes wrong?, what is next, 3-month media plans, pr plans, distribution, film festival (optional) ขอไม่ลงรายละเอียดเยอะมากกว่านี้ เพราะแต่ละกลุ่มมันไม่เหมือนกันจ้า 😃
3) ICMC 403 Media and Communication Degree Project II (Thesis Exhibition)
เทอมสุดท้ายจะเป็น post-production ยังต้องคุยกับ advisor อีก 4 ครั้งเหมือนเดิม + thesis exhibition ตอนต้นเดือนกรกฎาคมของแต่ละปี ซึ่งทาง faa muic ก็ค่อนข้างลงทุนแหละ พาไปจัดงาน thesis ที่ house samyan เลยจ้า ธีมงานของรุ่นเรา (628) คือ Me [I] Dia DiscoVary เป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของปี 2023 เลย 55555 มันดีใจกับตื่นเต้นมาก ๆ ที่งานถูกฉายครั้งแรกอะไรงี้แหละ ค่อนข้าง overwhelming สำหรับเราเลย แต่พอจัดงานเสร็จไม่มีเข้า review panel และยังต้องส่ง thesis report ให้ advisor เราเขียนไป 30 หน้า เบ็ดเสร็จรวม abstract ด้วยกับพาร์ทอื่น ๆ ก็ 37 หน้า รวมที่เขียนทั้งหมดประมาณ 7,600 words โดย chapter 1: thesis statement, chapter 2: background research, chapter 3: media/communication of the project, chapter 4: methods of conducting the project และ chapter 5: analysis of the project รายละเอียดมันเยอะมาก ๆ เขียนแบบละเอียดคงไม่พอ แต่ทาง faa เค้าจะมี template มาให้เด็กนักศึกษาอยู่แล้ว เพียงแต่จะเขียนอะไรให้ถึง 30 หน้า อันนี้อีกเรื่องนึง แนะนำให้ปั่น report ตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนตัวเราใช้เวลาปั่น 2 อาทิตย์ถึงเสร็จ พิมพ์งานจนเมื่อยมือกับปวดหลังกันเลยทีเดียว เราส่งก่อน deadline ให้ advisor ประมาณ 4 วันส่งเสร็จก็สู่อิสรภาพเลยจ้า (เป็งจุ๊มเหม่ง) เกรดออกมาได้ B+ ถือว่าไม่ผิดหวังนะ ตอนแรกหวัง B อิอิ
รีวิววิชาต่าง ๆ ในฐานะเด็ก muic ก็จบลงแล้ว เพราะมี่เองเรียนจบแบบเป็นทางการแล้วค่าทุกคลลลล เย้ย้ย้ย้ สำหรับบล็อคการรีวิววิชา gen ed 13 วิชาจุก ๆ ก็จบแล้วน้า ใครเด็ก muic หรือเด็ก media com มาอ่านรีวิวได้เหมือนกันนะ 💓 thank you มาก ๆ ค่ะที่เข้ามาอ่านและให้ความสนใจนะคะ 🙏 🥰
ใครอยากให้เขียนอะไรเพิ่มอีก แจ้งมาได้เลย ถ้ามีความรู้มากพอจะมาเขียนให้เลยจ้า 😃
ขอบคุณ muic มาก ๆ ได้เรียนรู้อะไรมาจากมหาลัยเยอะเลย ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคนที่มอบมิตรภาพอันน่าจดจำไว้ให้ ขอบคุณครอบครัวที่บ้านที่ support ให้มี่ได้เรียนที่นี่ ขอบคุณอาจารย์ที่สอนและมอบความรู้ต่าง ๆ ให้ ทั้งด้านการใช้ชีวิตและการศึกษา ขอบคุณโอกาสทุกอย่างที่ได้รับจาก muic เลยงับ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากจริง ๆ 3 ปีครึ่งที่ประเทศศาลายา มี่จะไม่ลืมเลยค้าบบบ 🥹
ใครที่แวะผ่านมาอ่านบล็อกของมี่พอดี รบกวนช่วยกดติดตามหรือกดไลก์เพจให้ด้วยนะคะ 🙏
ใครสนใจเรื่องการเรียนต่อ MUIC/ต่างประเทศ, เรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสและเรื่องอื่น ๆ สามารถติดตามไว้ได้ค่า 🥹 ช่วยมี่ด้วยยยยยหรือใครอยากทักมาคุย มาเล่าเรื่อง มาถามอะไรก็ทักมาได้เหมือนกันน้าาาา 🤙
แต่ขอให้อ่านบล็อกให้จบก่อนแล้วค่อยมาถามถึงคำถามที่ไม่มีในบล็อกน้า ถ้าไม่อ่านมาก่อนแล้วถามคำถามมาเลยทั้งที่เราเขียนไว้แล้ว ขออนุญาตไม่ตอบนะคะ ขอโทษในความไม่สะดวกค่ะ (ตอบไม่ค่อยไหวค่ะ เหนื่อยแล้ว 5555)😔
📘 FB page: MemoMiez - มี่ตะลุยโลก
🎞 Instagram: Miedya_thetraveller
ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้าจ้า บ๊ายบายน้าา 🥰
เดี๋ยวบล็อกหน้าจะมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องการสอบ IELTS ฉบับเด็กอินเตอร์แบบไม่ได้เตรียมตัว กับ วิธีการสมัครเรียนที่อังกฤษกับอเมริกาค่ะ (กระซิบว่ามี่ได้ offer จาก George Washington University พร้อมทุน 24,000 USD ในอเมริกา และ University of Bath, University of Exeter และ University of Sussex จากประเทศอังกฤษค่ะ)
ขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามและอ่านบล็อคนี้ของมี่นะคะ 🙏
first posted: 16 dec 2023 - 01.05 am (GMT+07:00)
updated: 23 dec 2023 - 11.32 pm (GMT+07:00)
Kommentarer