top of page
Writer's picturemie dyasha wong🍦

Duolingo English Test (DET) - Ver. 2018 by Mie Dyasha

Updated: Apr 9, 2023

**บล็อคนี้มีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นจากการที่ MUIC รับสมัคร Special Round 2020 แต่เตือนก่อนว่า Test Version นี้เป็น Version 2018 หรือ Old Version นะคะ ตอนนี้มี New Version ที่เพิ่งปล่อยมาตอน July 2019 เพราะฉะนั้นระบบการให้คะแนนจะไม่เหมือนกันนะคะ**


Updated Dec 2021: ตอนนี้มี่ไปสอบ Ver. 2021 มาให้แล้วนะคะ สำหรับใครที่มีเกณฑ์จะใช้คะแนน DET ไปอ่านบล็อคนี้กันได้เลยค่ะ มี่ไปสอบมาแล้วได้ overall 130/160 แต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 125 ค่ะ ^^ ใครสนใจจะเข้า MUIC ด้วย regular track จากการสอบ Duolingo English Test ก็ไปอ่าน Ver. 2021 เลยเพราะมีแถมข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้น้อง ๆ ที่จะยื่นเข้า MUIC ด้วยนะคะ 😄

👉 ไปจิ้มลิงก์อ่านกันได้เลยที่นี่นะคะ: DET ver. 2021 by Mie หรือ https://www.askmie-dyshamasixth.com/post/duolingo-english-test-ver-2021-by-mie-dyasha

 

สวัสดีค่ะทุกคน 🤩


มี่คิดถึงทุกคนมากๆเลยค่ะ ก่อนอื่น... "บล็อคนี้คือจ่ายเงินเต็มจำนวนนะคะ ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆทั้งสิ้น" วันนี้ก็กลับมาเจอกันกับการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดย... "Duolingo English Test" หรือย่อคือ DET นั่นเองค่ะ หลายคนอาจจะไม่คุ้นกับชื่อนี้ (แต่คงคุ้นเคยกับแอพพลิเคชันเรียนภาษาต่างประเทศฟรีๆ ทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาสเปน, ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอื่นๆมากมาย) เพราะว่าแทบไม่มีมหาลัยไทยภาคอินเตอร์ที่ไหนรับเลยค่ะ คนไทยส่วนมากก็อาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ (ตอนแรกก็ไม่รู้จักค่ะ แต่ไปหา requirements มหาลัยอ่าน เป็นมหาลัยแห่งหนึ่งในแคนาดาค่ะ แล้วก็เห็นไอ้เจ้าตัวเทสต์นี้บ่อยมากในส่วนของ English Proficiency หรือ Language Requirements ของมหาลัยอย่างอเมริกาหรือแคนาดา เราเลยลองคิดว่า เออ ลองสอบเล่นๆดูดีกว่าว่าจะเป็นยังไงบ้าง)

ข้อดีของการสอบ Duolingo English Test ค่ะ

เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ official จาก DET เอาเองเลย สรุปความทั้งหมดออกมาได้ว่า...

1. ใช้เวลาสอบเพียง 25-45 นาที ไม่เกิน 1 ชั่วโมง และสะดวกในการสอบ เพราะสามารถสอบได้เองที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ ***แต่เราขอเน้นย้ำตรงนี้เลยนะคะ ว่าถ้าจะสอบอันนี้คุณควรมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองค่ะ เพราะเราสอบเองแล้วเรากล้ายืนยัน 100% ว่าเราทำด้วยตัวเอง มาจากความสามารถของตัวเองค่ะ อย่าทำตัวไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพราะคุณกำลังจะทำให้คนอื่นที่เขาตั้งใจจริงเขาซวยไปด้วยค่ะ ถึงคุณโกงไป มันไม่ได้มาจากความสามารถของคุณเองยังไงมหาลัยเขาก็รู้ค่ะ เขาก็รู้ตอนได้ interview คุณนั่นแหละค่ะ***

2. ราคาค่าสอบไม่แพง เพียงแค่ 49 USD เท่านั้น (เรทวันที่เราโดนตัดจากบัตรเครดิตไปคือ 1,586 บาทเท่านั้นเองค่ะ)

3. รอผลสอบวัดระดับออกภายในระยะเวลาแค่ 2 วัน หรือ 48 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ (เรามาสะดุดและถูกใจตรงข้อนี้ค่ะ)

แชร์ผลสอบกับมหาวิทยาลัยได้ฟรี

นอกจากนี้.. หลังจากได้ผลสอบแล้วก็ยังสามารถส่งให้ทางมหาลัยได้โดยตรงค่ะ (มหาลัยจะเห็นคะแนนของคุณ, ตัวอย่างการเขียน writing, วิดีโอที่สอบพูด และข้อมูลส่วนตัวของเรา คือ ชื่อ, นามสกุล, วันเกิด, อีเมล์และรูปภาพที่เราถ่ายก่อนทำการสอบ)

เผื่อคนข้องใจว่าส่งไปแล้วมหาลัยฯจะได้อะไรบ้าง

ส่วนอันนี้เป็นวิธีการติดตั้งเพื่อใช้สำหรับการสอบค่ะ แต่!!! เบราเซอร์ที่ทาง DET supported เนี่ย.. มีแค่ 2 ตัวเลือกเท่านั้นค่ะ .. คือ Google Chrome กับ Opera ค่ะ สำหรับตัวมี่เอง มี่ใช้ MacBook Air และคุ้นชินกับการใช้ Safari มากกว่า แถม Chrome บนเครื่องเนี่ยก็เก่ามาก ขนาดที่อัพเดทแล้วยังใช้ไม่ได้เลยค่ะ 5555 เลยต้องเอา Chrome เก่าใส่ไปในถังขยะแล้วโหลดมาใหม่เองจาก ค่ะ พอโหลดมาแล้วเข้าหน้าเว็บ DET อีกรอบมันก็จะขึ้นว่าเบราเซอร์ได้รับการสนับสนุนแล้ว จากนั้นก็สร้าง Account ได้เลยค่ะ

- การติดตั้งจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที (แต่ถ้าเน็ตดีก็จะเร็วกว่านั้นนะคะ ของมี่ที่โหลดมาก็ไม่ได้นานค่ะ แค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง) สำหรับส่วนนี้ก่อนจะเข้าสอบ จะมีการบอกกฎการสอบต่างๆค่ะ เดี๋ยวจะพูดถึงในด้านล่าง เพราะต้องมีคนสงสัยแน่ๆค่ะ ว่าแบบนี้เราก็ทุจริตได้น่ะสิ แต่เทคโนโลยีไปไกลกว่านั้นแล้วค่ะ อิอิ

- ข้อสอบจะปรับเปลี่ยนตามความยากง่ายตามที่เราทำได้นะคะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปค่ะ

- ในส่วนของการสอบพูด จะมีคำถามมาให้อ่านและจะอัดวิดีโอตอนเราพูดค่ะ โดยก่อนสอบจริงจะมีข้อสอบ example มาให้ลองก่อนค่ะ คำถามจะออกแนวคำถามปลายเปิดมากกว่า จะเป็นการสอบพาร์ทสุดท้ายค่ะ

สิ่งที่ต้องมีเพื่อใช้ในการสอบ DET

สิ่งที่ต้องใช้ในการสอบ Duolingo English Test :

1. พาสปอร์ตหรือบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลหรือใบขับขี่ (แนะนำว่าให้ใช้พาสปอร์ตดีที่สุดค่ะ เพราะว่าเป็นอะไรที่ดู international ที่สุดแล้ว เอาบัตรประชาชนไปคงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะมันมีพาร์ทที่อ่านไม่ออกมากกว่าอ่านออกค่ะ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ)

2. ห้องที่สว่างและเงียบสงบ หรือถ้าสอบตอนกลางคืนก็เปิดไฟให้สว่างที่สุดค่ะ

3. เวลาประมาณ 45 นาที ใช้เวลายามว่างก็ได้ค่ะ

4. อินเตอร์เน็ตที่เสถียรที่สุด

5. คอมพิวเตอร์


สิ่งที่คอมพิวเตอร์ของคุณต้องมีในการสอบ Duolingo English Test :

1. เบราเซอร์ที่ซัพพอร์ต DET อย่าง Google Chrome หรือ Opera ตามที่กล่าวไปข้างต้น

2. กล้องบนคอมพิวเตอร์หรือ Laptop เพื่ออัดวิดีโอหน้าตัวเองตอนสอบ

3. ไมโครโฟนบนคอมพิวเตอร์

4. ลำโพง ห้ามเสียบหูฟังตอนสอบนะจ๊ะ

ควรมีความซื่อสัตย์สุจริตในการสอบนะคะ อย่าทำให้คนอื่นที่เขาตั้งใจสอบจริงเดือดร้อนค่ะ
กฎในการสอบ Duolingo English Test

สามารถอ่านกฎในการสอบเพิ่มเติมได้ที่นี่

- ต้องแน่ใจว่า.. อยู่คนเดียวในการสอบแน่นอน 100%

- ต้องแน่ใจว่า.. ไม่ได้มีอะไรปิดหูทั้งสิ้น ห้ามทั้งหมวกหรืออื่นๆ แม้แต่ปล่อยให้ผมปิดหูก็ไม่ได้ ควรมัดผมหรือเอาผมเหน็บหู

- ห้ามเอาอะไรมาปิดหน้าเด็ดขาด เช่น แว่นกันแดด ผ้าปิดปาก ต้องทำหน้าให้เห็นได้ชัดเจนตลอดเวลาการสอบ

- ห้ามใส่หูฟังหรือเฮดโฟนใดๆทั้งสิ้นนะจ๊ะ

- ห้ามใช้อุปกรณ์อื่นๆนอกจากคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ห้ามใช้โทรศัพท์, สมุดโน้ตต่างๆ หรือ Textbook ก็ไม่ได้

- ห้ามพูดคุยกับใครๆทั้งสิ้นขณะสอบ (แม้แต่มีคนเข้ามาในห้องแล้วคุยด้วยก็ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นทาง Duolingo มีสิทธิ์แบนคุณออกจากการสอบโดยถาวรและผลสอบจะไม่ออกมา และถือว่าการสอบเป็นโมฆะ)

- ห้ามใช้กระดาษหรืออุปกรณ์การเขียนโดยเด็ดขาด

- ห้ามหันหน้าไปทางอื่นนอกจากคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ต้องจดจ่ออยู่กับหน้าคอมเท่านั้น!!

**ที่สำคัญคือ เราขอร้องว่าอย่าทุจริตในการสอบเด็ดขาด**

ขั้นตอนการแบนคุณออกจากการสอบโดยถาวร

(สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)

รีวิวการสอบ Duolingo English Test โดยมี่

พูดถึงก่อนจะสอบจริง

- ในตอนแรกก่อนสอบ.. จะต้องมีการถ่ายรูปตัวเองเพื่อเอาไว้ใช้บนใบประกาศนียบัตรหรือผลสอบ ซึ่งหากเราไม่พอใจก็จะสามารถ retake ได้เรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ คือเวลาถ่ายรูปก็คือรูปจากกล้องคอมพิวเตอร์เราเนี่ยแหละจ้า ต้องกรอกชื่อจริง, นามสกุล, วันเกิด, First Language และเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตน หลังจากนั้นก็จะต้องเตรียมพาสปอร์ตมาเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ซึ่งก็ถ่ายจากกล้องของคอมพิวเตอร์อีกเช่นกัน ต้องถ่ายให้ชัดเพื่อที่ผู้ตรวจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเรา

- หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จ ก็จะมีการเช็คทุกอย่าง ทั้งให้ติ๊กว่าได้ใส่หูฟังหรือเฮดโฟนอยู่หรือไม่ และจะมีการเขียนเตือนไว้แล้วว่า "หากใส่หูฟังหรือเฮดโฟนอยู่ ผลสอบของคุณจะไม่ได้รับการ Certified" เช็คลำโพง (ให้คลิกที่สัญลักษณ์ลำโพงและฟังว่ามันดังพอมั้ย), เช็คไมโครโฟน (โดยการให้กดสัญลักษณ์ไมโครโฟนเพื่ออัดเสียงตัวเองและก็ฟัง), เช็คกล้อง (ให้เราทำอะไรก็ได้และสังเกตว่ากล้องมันชัดมั้ย เราจะเห็นตัวเองจากมุมขวาของเว็บการสอบ) คือเขาวางระบบมาดีพอสมควรเลยอ่ะ

หลายคนที่สงสัยว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่ได้โกง ?

คำตอบคือ : ระหว่างการสอบกล้องของคอมพิวเตอร์เราจะอัดวิดีโอกิริยาท่าทางของหน้าเราไว้ตลอด เราจะเห็นหน้าตัวเองที่มุมขวาของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราก็ห้ามมองไปทางอื่นนอกจากคอม คือระหว่างการพิมพ์แป้นพิมพ์คอมอ่ะ อันนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้ามองไปต่ำกว่านั้นมีสิทธิ์โดนแบนถาวรและเสียเงินให้การสอบฟรี เพราะผลสอบของคุณจะไม่ได้รับการ certified จ้า คืออย่าคิดจะทำอะไรที่ไม่ซื่อสัตย์เลย ยังไงเขาก็จับได้นะ ตอนมหาลัยสัมภาษณ์คุณเขาก็ดูออกอยู่ดีว่ามีคนช่วยทำให้ ไหนจะพวก Essays ที่ต้องส่งไปอีก ถ้าภาษาอังกฤษไม่ได้ดีขนาดนั้นก็ยอมเสียเวลาเรียนภาษาปรับพื้นฐานที่มหาลัยก่อนเข้าเรียนก็ไม่เสียหายนะ แถมได้ความรู้ไปเต็มๆด้วย


ตอนระหว่างสอบจริง

ระหว่างการสอบเนี่ย ตัวข้อสอบจะสลับกันมาเรื่อยๆ จะไม่ได้ฟิกซ์ว่าต้องเป็นพาร์ทอ่านก่อน แล้วค่อยพาร์ทเขียน จากนั้นค่อยพาร์ทอธิบาย แต่ที่ฟิกซ์แน่ๆคือพาร์ทการพูดที่ต้องอัดวิดีโอพูดซึ่งจะเป็นตอนสุดท้าย

- พาร์ทการฟัง จะมี 2 แบบนะจ๊ะ :

1. การฟังที่เป็นมี audio มาอันนึงสั้นๆไม่ยาวมาก เอ้ย เราว่าก็ยาวอยู่แต่ไม่ใช่ passage อ่ะ แต่แอบยาก คือเราจะต้องฟังและพิมพ์ตามให้ทันว่าเขาพูดอะไร และ audio แต่ละครั้งจะเล่นได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นและสปีดคือสปีดฝรั่งพูดที่ค่อนข้างเร็ว ครั้งแรกให้ฟังจับประเด็นไปก่อนว่าเขาพูดอะไร ครั้งที่ 2 ให้เช็คว่าตกหล่นอะไรบ้าง ครั้งที่ 3 ให้ตรวจสอบความถูกต้อง โดยแต่ละครั้งของการที่ข้อสอบฟังมา คุณจะมีเวลาทั้งหมดแค่ 60 วินาทีต่อข้อเท่านั้น ปัญหาใหญ่ๆที่เราเจอคือเราพิมพ์ตามไม่ทัน ที่เราเจอไปทั้งหมดก็ประมาณ 10 กว่าข้อ แนะนำให้ตั้งสติดีๆก่อนจะเล่น audio แต่ละครั้ง

2. การฟังที่ต้องฟังว่า Speaker นี้พูดมาใช่ภาษาอังกฤษแบบจริงๆมั้ย อันนี้จะมีมาเรื่อยๆ เราจะเล่นกี่ครั้งก็ได้ แต่มีเวลาแค่ประมาณ 2 นาทีกว่าๆต่อข้อ เราต้องฟังและเลือกว่าคำศัพท์ไหนเป็น Real English Words แต่ละข้อจะมี 9 หรือ 12 Speakers ก็ได้ ต้องฟังแล้วติ๊กว่าใช่หรือไม่ใช่


- พาร์ทการอ่าน : มันไม่เชิงพาร์ทอ่านอ่ะ มันออกแนวให้ดูมากกว่าว่าคำศัพท์ตัวไหนเป็น Real English Words คือมันจะมีทั้งที่จริงแล้วก็คำศัพท์ที่เหมือนเขาออกมามั่วๆอ่ะ ระวังโดนหลอกนะจ๊ะ แล้วก็จะมีอีกแบบคือมีประโยคมาให้อ่าน แล้วเราก็ต้องอ่านแบบออกเสียง + กดบันทึกเสียงไปด้วยค่ะ


- พาร์ทการเขียน : คำถามออกแนวคำถามปลายเปิดมากกว่า เราว่าแต่ละครั้งคำถามมาคงไม่เหมือนกันอะค่ะ ของมี่เจอเกี่ยวกับสิ่งของที่ทำด้วยมือหรือเครื่องจักร โดยเขาจะถามว่าชอบแบบไหนมากกว่าและทำไม? บังคับขั้นต่ำ 50-100 words โดยจะมีการนับคำให้ว่ากี่ words แล้ว ถ้าถึง 50 เมื่อไหร่กด next ได้ทันที มีเวลา 5 นาที และอีกอันนึงก็คือให้อธิบายสถานการณ์จากรูปภาพที่กำหนดให้ เราเจอไปทั้งหมด 3 รูปภาพ เขาจะให้เขียนอธิบายมา 1-2 sentence(s)


- พาร์ทการพูด : จะเป็นการสอบพาร์ทสุดท้ายเลย ก่อนสอบจริงจะให้ลอง example ก่อน ว่าแบบกล้องใช้ได้มั้ย อัดเสียงได้มั้ย มันชัดมั้ย จากนั้นก็จะไปต่อที่คำถามจริง คำถามที่เราโดนก็คือ อันแรกเลยอ่ะเกี่ยวกับ...ว่าแบบอันนี้มันสำคัญยังไง หัวข้อนี้เราถนัด เราเลยตอบได้ (คำถามข้อนี้มาจากการให้อ่านและก็จะมีหัวข้อย่อยๆลงไปอีก), อันที่ 2 จะมีรูปภาพมาให้อธิบายว่าเห็นอะไรในรูปภาพบ้างและสุดท้ายจะเป็นคำถามที่ต้องเปิดฟังและเปิดฟังได้แค่ 2 รอบเท่านั้นซึ่งเราไม่เข้าใจคำสุดท้ายเพราะมันฟังยากมาก เราก็เลยบอกไปตรงๆว่าเราฟังคำสุดท้ายไม่ออกแต่เราก็พยายามพูด main idea หลักๆที่เขาถาม แต่ละข้อเราจะต้องพูดในเวลา 90 วินาที หรือ 1.30 นาทีต่อคำถาม


หลังจากสอบเสร็จ

หลังจากสอบเสร็จ เขาก็จะมีถามเรื่อง feedback ว่าแบบข้อสอบยากมั้ย (มีตัวเลือก 3 อย่างคือ hard, just right และก็ชิวๆ), จะเอาผลสอบไปยื่นที่มหาลัยไหนบ้าง, คอมเมนท์เกี่ยวกับตัวข้อสอบเอง เสร็จปุ๊ปก็จะมีการขึ้นว่ารอผลสอบภายใน 48 ชั่วโมงและจะมีเมล์เข้าไปแจ้งเรื่องเงินที่จ่ายไป

E-Receipt ที่เข้าไปในอีเมล์ที่เราใช้ในการสมัครสอบ เพื่อยืนยันว่าเราจ่ายเงินแล้ว

ใบเสร็จจะมีชื่อเราและเลขที่ใบเสร็จ แต่เราเซนเซอร์ไว้น้าาาา

พอสอบเสร็จก็จะมีอีเมล์มาบอกว่า Your test is in review ค่ะ

ก็รอไปนะคะ ใช้เวลาแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้นเอง


สำหรับข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมของการสอบ DET (FAQ): ที่นี่

สำหรับคำอธิบายเรื่องคะแนนหรือการเทียบคะแนน: ที่นี่

สำหรับพันธมิตรของ DET: ที่นี่


ในส่วนของผลสอบของตัวมี่เองนะคะ คือเราเริ่มสอบตอน 23.07 น. ของวันที่ 22/09/18 นะคะ แล้วสอบเสร็จตอน 00.10 น. โดยประมาณค่ะ แล้วเราได้รับผลสอบตอน 22.54 น. ของวันที่ 23/09/18 ค่ะ ผลออกมาปรากฎว่า.. เราได้ 63 คะแนนจาก 100 คะแนนค่ะ

หน้าตาของข้อมูลเรา เมื่อเราได้ผลสอบค่ะ

ผลสอบจะอยู่ด้านล่างของเว็บไซต์นะคะ

ใบ Cetificate ของเราที่จะดาวน์โหลดได้ค่ะ

กรอบสีส้มๆอันแรกคือรูปของเราที่ถ่ายไว้ก่อนสอบ และอันที่ 2 ก็คือชื่อและนามสกุลเราค่ะ

การเปรียบเทียบคะแนนกับ TOEFL iBT, IELTS และ CEFR Level ค่ะ

เป็นการเปรียบเทียบคะแนนคร่าวๆนะคะ

คำอธิบายเกณฑ์คะแนนที่เราได้ค่ะ

หลังจากที่เราได้ผลสอบไปแล้ว เรายังสามารถเลือก send results ไปให้มหาลัยที่เราจะ apply ได้โดยตรงเลยค่ะ แต่เรายังไม่ส่งค่ะ เพราะเราจะสมัครปีหน้าอะค่ะ


Update คะแนนผลสอบของ Old Version to New Version 🤓

คะแนนเก่าของมี่เมื่อเทียบกับคะแนนปัจจุบันค่ะ 📝

คะแนนของมี่จะเป็นแบบ prior ค่ะ คือสเกลตอนสอบนั้นเต็ม 100 คะแนนแต่ว่ามี่ได้ 63 คะแนนและเมื่อเทียบกับ current version จะเป็น 115 คะแนนจาก 160 คะแนนค่ะ

ตารางเทียบคะแนนระหว่าง TOEFL iBT, Old Version & New Version

ตารางคะแนนเทียบจะประมาณนี้ค่า ยังไงก็ลองดูแล้วกันนะทุกคน ✌🏻 สำหรับน้อง ๆ ที่จะยื่นเข้า MUIC ถ้ากลับมาอ่านบล็อคเราจะได้ไม่เข้าใจผิด 55555

งั้นมี่ขอจบการเขียนรีวิวไว้เพียงแค่นี้นะคะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ ❤️


มีคำถามใดๆส่งไปที่ FB Page: Askmiemasi ได้เลยค่ะ ฝากกดไลก์เพจ กดแชร์บล็อคหรือโพสต์ที่ชอบด้วยนะคะ ตอนนี้มีทวิตเตอร์ด้วย Twitter: @askmimimi ค่ะ และ IG: Askmiemasi_th (private) ต้องขอฟอลมาก่อนนะคะ

ปล. ตอบคำถามทางเพจและทุก Social Media เฉพาะวันจันทร์-พุธ 10.00-19.00 นะคะ จะไม่ได้กลับมาตอบทุกวันแล้วนะคะ มีคำถามอะไร list ส่งมาถามเยอะ ๆ แล้วจะตอบทีเดียวค่ะ จะได้เป็นการประหยัดเวลาไปทั้งสองฝ่ายด้วยค่ะ ถามแล้วรบกวนรอนิดนึงนะคะ ไม่เกิน 1 ชม. - 1 หรือ 2 วันจะตอบกลับค่ะ พอดีเรียนมหาลัยก็ยุ่ง ๆ ค่ะ ไม่ได้นั่งว่างตลอดค่า 😇

14,710 views

Comments


Commenting has been turned off.
bottom of page